ปริยัติธรรม
หนังสือ สังสารวัฏ โดย สุรีย์ มีผลกิจ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงวัฏฏะ ด้วยทุกขอริยสัจ และทุกขสมุทยอริยสัจ ชี้แจงให้ทราบถึง ความถือมั่นด้วย ตัณหา มานะ และทิฏฐิ ที่ยังละมิได้ความว่า
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติอันให้ถึงความตั้งขึ้นแห่งสักกายทิฏฐิ คือความยึดถือขันธ์ ๕ ว่านั่นของเรา ด้วยตัณหา นั่นเป็นเรา ด้วยมานะ นั่นอัตตาของเรา ด้วยทิฏฐิ มิใช่ฐานะที่จะทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ เพราะบุคคลทั้งหลายเมื่ออาศัยตาและรูป จึงเกิดจักขุวิญญาณ, ความประชุมแห่งธรรม ๓ ประการนั้นเป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงเกิดเวทนา เสวยอารมณ์เป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง มิใช่สุขมิใช่ทุกข์บ้าง
บุคคลอัน สุขเวทนา ถูกต้องแล้ว ย่อมเพลิดเพลินพูดถึง ดำรงอยู่ด้วยความยินดีติดใจ จึงมี ราคานุสัย นอนเนื่องอยู่ อันเป็นเหตุแห่งวัฏฏะทุกข์
บุคคลอัน ทุกขเวทนา ถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไห้ คร่ำครวญ ถึงความหลง จึงมี ปฏิฆานุสัย นอนเนื่องอยู่ อันเป็นเหตุแห่งวัฏฏะทุกข์
บุคคลอัน อทุกขมสุขเวทนา ถูกต้องแล้ว ย่อมไม่ทราบชัดถึงความตั้งขึ้น ความดับไป ความน่ายินดี คือ สมุทัยสัจ ไม่ทราบชัดถึงโทษคือ ทุกขสัจ ไม่ทราบการสลัดออกคือ มรรคสัจ และนิโรธสัจ แห่งเวทนานั้นตาม ความเป็นจริง จึงมี อวิชชานุสัย นอนเนื่องอยู่ อันเป็นเหตุแห่งวัฏฏะทุกข์ คือ
อัตตา อันเป็นเหตุเกิดแห่งวัฏฏะทุกข์
อัตตาในจักขุทวาร
หากบุคคลยังเล็งเห็น
- ตา ว่านั้น ของเรา นั้น เป็นเรา นั้น อัตตาของเรา
- รูป ว่านั่น ของเรา นั้น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- จักขุวิญญาณ ว่านั้น ของเรา นั้น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- จักขุสัมผัส ว่านั่น ของเรา นั้น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- เวทนา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ตัณหา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
อัตตาในโสตทวาร
หากบุคคลยังเล็งเห็น
- หู ว่านั่น ของเรา นั้น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- เสียง ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- โสตวิญญาณ ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- โสตสัมผัส ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- เวทนา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ตัณหา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
อัตตาในฆานทวาร
หากบุคคลยังเล็งเห็น
- จมูกว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- กลิ่นว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ฆานวิญญาณ ว่านั้น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ฆานสัมผัส ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- เวทนา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ตัณหา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
อัตตาในชิวหาทวาร
หากบุคคลยังเล็งเห็น
- ลิ้น ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- รส ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ชิวหาวิญญาณ ว่านั้น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ชิวหาสัมผัส ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- เวทนา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ตัณหา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
อัตตาในกายทวาร
หากบุคคลยังเล็งเห็น
- กาย ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- โผฏฐัพพะ ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- กายวิญญาณ ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- กายสัมผัส ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- เวทนา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ตัณหา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
อัตตาในมโนทวาร
หากบุคคลยังเล็งเห็น
- ใจ ว่านั่น ของเรา นั่นเป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ธรรมารมณ์ ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- มโนวิญญาณ ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- มโนสัมผัส ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- เวทนา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
- ตัณหา ว่านั่น ของเรา นั่น เป็นเรา นั่น อัตตาของเรา
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดกล่าวว่า จักษุเป็นอัตตา รูปารมณ์เป็นอัตตา จักษุวิญญาณเป็นอัตตา จักษุสัมผัสเป็นอัตตา คําของผู้นั้นไม่ควร เพราะจักษุรูปารมณ์ จักษุวิญญาณ จักษุสัมผัสย่อมปรากฏแม้ความเกิด แม้ความเสื่อม ก็สิ่งใดที่ปรากฏความเกิดขึ้น และความเสื่อมไป เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจการบังคับบัญชาของผู้ใด สิ่งนั้นย่อมมิใช่อัตตา และเมื่อผู้ใดถือมั่นธรรมทั้งหลายเหล่านั้นด้วย ตัณหา มานะ และทิฏฐิ ย่อมเป็นเหตุให้บุคคลนั้นเกิดในภพใหม่ วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลนั้นยังไม่ละ ราคานุสัย เพราะสุขเวทนา ยังไม่บรรเทา ปฏิฆานุสัย เพราะทุกขเวทนา ยังไม่ถอน อวิชชานุสัย เพราะอทุกขมสุขเวทนา ยังไม่ทําวิชชาคือ อรหัตมรรค ให้เกิด หากยังละ อวิชชาในอายตนะภายใน ๖ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และยังละอวิชชาในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์มิได้ แล้วจักเป็นผู้กระทําที่สุดแห่งทุกข์ในปัจจุบัน นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้
ท่านเปรียบไว้ว่า เหมือนเดือยข้าวสาลี ที่บุคคลตั้งไว้ผิด เมื่อมือหรือเท้าเหยียบย่ำแล้ว จักทำลาย มือหรือเท้า หรือทําให้ห้อเลือด ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้น จักทำลายอวิชชา ยังวิชชาให้เกิด ด้วยความเห็นที่ตั้งไว้ผิด ด้วยการเจริญมรรคที่ตั้งไว้ผิด ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ เพราะความเห็นตั้งไว้ผิด
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงวัฏฏะ โดยความเป็นอัตตา ดังนี้ (มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ หน้า ๔๘๖-๕๐๐ ฉฉักกสูตร)