สุพรหมเทพบุตร ผลแห่งบุญ : รู้ว่าจะไปนรก เข้าหาพุทธะ ปิดอบาย

สุพรหมเทพบุตร ผลแห่งบุญ : รู้ว่าจะไปนรก เข้าหาพุทธะ ปิดอบาย

ปริยัติธรรม

หนังสือนิทานบำเพ็ญบุญ 100 เรื่อง

เทวดาตนหนึ่งชื่อ สุพรหม เป็นเทพบุตรในสวรรค์ดาวดึงส์ วันหนึ่ง ได้พาเหล่านางเทพอัปสรประมาณ ๕๐๐ นาง เข้าไปเล่นสนุกสนานในสวนนันทวัน

สักพักใหญ่ สุพรหมเทพบุตรก็นั่งพักอยู่บริเวณต้นปาริฉัตร (ปาริฉัตต์) ส่วนเหล่าเทพธิดาก็เล่นปืนต้นไม้อยู่ไม่ไกล (ท่านว่า ต้นที่ปืนเล่นสูง ๑๐๐ โยชน์, ตามปกติต้นไม้จะโน้มลงมาให้เทวดาจับกิ่ง ก้าน ดอก ได้ตามต้องการ แต่ที่ปืนก็เพราะต้องการจะเล่น)

พวกนางปืนไปขับร้องเพลงไป เด็ดดอกไม้แล้วโปรยลงข้างล่าง ให้นางเทพด้านล่างเก็บมาร้อยพวงมาลัย

ครั้งนั้น เหล่าเทพธิดาจำนวนหนึ่งที่อยู่บนต้นไม้ถึงความสิ้นชีพ (จุติคือเคลื่อน, ตายก่อนถึงอายุที่ควรจะตาย ทั้งนี้ก็ด้วยอำนาจอกุศลกรรมในปางก่อนที่มีกำลังแรงตัดรอนอายุท่านเรียกว่า จุติเพราะอุปฆาตกรรม หรืออุปัจเฉทกรรม) แล้วอุบัติในอเวจีนรก

ผ่านไปสักพักหนึ่ง สุพรหมเทพบุตรรู้สึกว่า เสียงของเหล่าเทพธิดาบนต้นไม้หายไปและไม่เห็นดอกไม้ร่วงหล่นลงมาอีก คิดว่า พวกนางทำอะไรกันอยู่นะ แล้วก็เงยหน้ามองขึ้นไป ไม่พบใคร ๆ จึงใคร่ครวญดูก็เห็นว่า พวกเทพธิดาบนต้นไม้ตายแล้วเกิดในนรก

เทพบุตรเกิดความหวาดหวั่นกลัวต่อมรณภัย คิดว่า "เราไม่ได้สนใจพวกนางเพียงครู่เดียว พวกนางก็จากเราไปแล้ว ตัวเราเล่าจะมีอายุอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนหนอ?"

เมื่อใคร่ครวญดูก็พบว่า "อีก ๗ วัน เราก็จะจุติแล้วเกิดในนรก พวกเทพธิดาที่เราเห็นอยู่นี้ก็จะจุติแล้วเกิดในนรกเหมือนกัน"

สุพรหมเทพบุตรยิ่งเกิดความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น จิตใจห่อเหี่ยว หมดสิ้นความรู้สึกสนุกสนานสิ้นเชิง คิดว่า "นอกจากพระตถาคตเจ้าแล้ว เรามองไม่เห็นใครในมนุษย์โลกและเทวโลก ที่จะดับทุกข์โศกของเราได้เลย เราจะไปเข้าเฝ้าพระองค์"

ครั้นถึงเวลาราตรี เทพบุตรนั้นจึงมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระเชตวันวิหาร ถวายอภิวาทแล้วยืนอยู่ กราบทูลว่า "จิตนี้สะดุ้งกลัวอยู่เป็นนิตย์ ใจของข้าพระองค์หวาดหวั่นอยู่ตลอด เมื่อรู้ว่าจะต้องตาย และเห็นความตายที่เกิดขึ้นแก่เหล่านางเทพอัปสร ถ้ามีวิธีใดที่จะทำให้ข้าพระองค์ไม่สะดุ้งกลัว ขอพระองค์โปรดตรัสบอกด้วยเถิด"

พระพุทธเจ้าตรัสแสดงธรรมว่า

"เรามองไม่เห็นสวัสดีของสัตว์ทั้งหลายเลย นอกจากปัญญาเครื่องตรัสรู้, ความเพียร เครื่องเผากิเลส, ความสำรวมอินทรีย์ และความสละทุกสิ่งทุกอย่าง" (สํ.ส.ข้อ ๒๖๕)

จบพระเทศนา สุพรหมเทพบุตรบรรลุโสดาปัตติผล (เป็นพระอริยโสดาบัน)


อรรถกถาอธิบายพุทธพจน์นี้ไว้ว่า

- ปัญญาเครื่องตรัสรู้และความเพียร หมายถึง การเจริญโพชฌงค์ และความเพียร
- การสละทุกสิ่งทุกอย่าง หมายถึง พระนิพพาน

"พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแนะให้เจริญโพชฌค์ก่อน, ทรงแนะอินทรีย์สังวรภายหลังก็จริง ถึงกระนั้นก็พึ่งทราบว่า ทรงแนะอินทรีย์สังวรก่อน, เมื่อภิกษุบำเพ็ญอินทรีย์สังวรแล้ว ก็เป็นอันบำเพ็ญปาริสุทธิศีล ๔ ด้วย (เช่น ปาติโมกขสังวร)

ภิกษุตั้งอยู่ในปาริสุทธิศีล ๔ เป็นผู้นิสสัยมุตตกะ (รู้พระวินัยที่ควรรู้ ไม่ต้องอาศัยอาจารย์, เป็นข้อปฏิบัติทางพระวินัยบัญญัติ) สมาทานคุณคือความเพียรคือธุดงค์ เข้าป่าเจริญกรรมฐาน ย่อมทำโพชฌงค์ให้เกิดขึ้นพร้อมวิปัสสนา, อริยมรรคของภิกษุนั้นย่อมเกิดขึ้นมีนิพพานเป็นอารมณ์, นิพพานนั้นเรียกว่าความสละทุกสิ่งทุกอย่าง (= ปราศจากสังขาร)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจบพระเทศนาลงด้วยสัจจะ ๔"


พิมพ์